วันศุกร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2560

ภารกิจพิเศษ สรุปวิเคราะห์วรรณกรรมท้องถิ่น
เรื่อง พระยากาเผือก
. สรุปเนื้อหาจากวรรณกรรมท้องถิ่น เรื่อง พระยากาเผือก
          ในสมัยต้นปฐมกัปป์ มีพญากาเผือก ๒ ตัวผัวเมียทำรังอยู่ที่ต้นมะเดื่อริมฝั่งแม่น้ำคงคา อันเป็นธรรมชาติสถานที่รื่นรมย์ ในเวลาต่อมาพระโพธิสัตว์ได้ทรงปฏิสนธิเกิดในครรภ์แม่พญากาเผือกพร้อมกันถึง ๕ พระองค์ เมื่อครบทศมาสแม่กาเผือกก็เกิดออกไข่ ณ ที่รังต้นมะเดื่อจำนวน ๕ ฟอง (สถานที่นี่ในกาลต่อมาเรียกชื่อว่า วัดพระเกิด ) แม่กาเผือกคอยเฝ้าฟักดูแลรักษาไข่ด้วยความทะนุถนอมเป็นอย่างดี ครั้นอยู่มาวันหนึ่งพญากาเผือกได้ออกไปหากิน ถิ่นแดนไกล ได้ไปถึงสถานที่หนึ่งอันอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพรรณธรรมชาติพืชพรรณธัญญาหาร แม่กาเผือกได้เพลิดเพลินหากินอาหาร ชื่นชม ธรรมชาติอันรื่นรมย์จนมืดค่ำพอดีฝนตกฟ้าคะนองพายุใหญ่พัดกระหน่ำทำให้มืดครึ้มทั่วไปหมด ทำให้พญากาเผือกหาหนทางออกไม่ถูกจึงหลงในบริเวณสถานที่นั้นๆ (สถานที่นั้นต่อมา จึงได้ชื่อว่า เวียงกาหลง) แม่กาเผือกได้พักอยู่ที่เวียงกาหลงคืนหนึ่ง รุ่งอรุณเบิกฟ้า แม่กาเผือกจึงรีบถลาบินกลับไปสถานที่พัก ณ ที่รังต้นมะเดื่อริมฝั่งแม่น้ำ แต่ปรากฏว่ากิ่งไม้มะเดื่อ ที่ทำรังอยู่ได้ถูกลมพายุใหญ่พัดหักล้มลงไปในแม่น้ำ  แม่กาเผือกตกใจรีบบินถลาหาลูกไข่ทั้ง ๕ ในแม่น้ำ แต่ อนิจจาหาเท่าไรก็หาไม่พบแม่กาเผือกพยายามหาไข่ลูกของตนไปในทุก สถานที่ ตามลำน้ำจนเหนื่อยอ่อนเมื่อยล้าด้วยความโศกเศร้าเสียใจในความรักลูกอย่างสุด ซึ้ง จึงไม่สามารถระงับความอาลัยทุกข์ได้ในที่สุดก็สิ้นใจไปอย่างน่าสงสาร  ด้วยความอานิสงส์ที่มีความเมตตารักลูกอันบริสุทธิ์ กับทั้งลูกของแม่กาเผือกโพธิ์สัตว์ถึง ๕ พระองค์ จึงเป็นบุญกุศลหนุนส่งให้แม่กาเผือกตายไปเกิดอยู่แดนพรหมโลกชั้นสุธาวาสมี วิมานทองคำสดใสบริสุทธิ์ งดงามตระการตา ได้นามชื่อว่า "ฆติกามหาพรหม" จักได้เป็นผู้ถวายอัฏฐะบริขารบวชแก่ลูกทั้ง ๕ พระองค์ฺ เมื่อได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าส่วนไข่ทั้ง ๕ ได้ถูกลมพัดตกน้ำไหลไปในสถานที่ต่างๆ
ไข่ฟองที่ ๑ มีไก่เก็บไปดูแลรักษา
ไข่ฟองที่ ๒ มีแม่นาคราชเก็บไปดูแลรักษา
ไข่ฟองที่ ๓ มีแม่เต่าเก็บไปดูแลรักษา
ไข่ฟองที่ ๔ มีแม่โคเก็บไปดูแลรักษา
ไข่ฟองที่ ๕ มีแม่ราชสีห์เก็บไปดูแลรักษา
ครั้งในกาลเวลาต่อมา พระโพธิสัตว์ทั้ง ๕ ก็ประสูติออกจากไข่ทั้ง ๕ ปรากฏเป็นมนุษย์ รูปร่างสวยสดงดงาม ทั้ง ๕ พระองค์ในเวลา เดียวกันตามลำดับของแม่เลี้ยงทั้ง ๕ ที่นำไข่ไปเก็บ ดูแลรักษา พระโพธิสัตว์ทั้ง ๕ ได้เจริญเติบโตอยู่กับแม่เลี้ยงด้วยความกตัญญูู จึงรู้ทำหน้าที่ทุกอย่างทดแทนบุญคุณแม่เลี้ยงเป็นอย่างดีจนถึงอายุ ๑๒ ปี ด้วยบุญกุศลเก่าหนุนส่ง ก็มีจิตคิด ที่จะออกบวชเนกขัมบารมี เป็นฤาษีอยู่ในป่าจึงได้อำลาแม่เลี้ยงของตนเหมือนกันทั้ง ๕ พระองค์ ฝ่ายแม่เลี้ยงถึงจะมีความรักอาลัยในลูกสักเพียงใด แต่ก็ไม่ขัดขวางความประสงค์เจตนาที่เป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ของลูกจึงได้ อนุญาติให้ลูกไปบวชเป็นฤาษีบำเพ็ญบารมีอยู่ในป่าด้วยความปิติและอนุโมทนา ด้วยปณิธานอันแน่วแน่ของพระโพธิสัตว์ทั้ง ๕ พระองค์ ที่มุ่งมั่นจะบำเพ็ญบารมีพระโพธิญาณ เพื่อเป็นพระพุทธเจ้าโปรดสัตว์โลก ให้พ้นจากกองทุกข์ภัยในวัฏฏะสงสาร แม่เลี้ยงทั้ง ๕ เห็นปณิธานอย่างนั้นจึงฝากนามของแม่เลี้ยง ไว้กับลูกเพื่อเป็นอนุสรณ์ตำนานไว้แก่โลกต่อไปในภาคหน้าเมื่อลูกได้ตรัสรู้เป็นพุทธเจ้าโปรดโลกแล้วตามลำดับนามดังนี้
องค์ที่ ๑ มีพระนามว่า พระกะกุสันโธเป็นตามนามแม่เลี้ยงที่เป็นไก่
องค์ที่ ๒ มีพระนามว่า พระโกนาคะมะโน ตามนามแม่เลี้ยงที่เป็นนาค
องค์ที่ ๓ มีพระนามว่า พระกัสสะโป ตามนามแม่เลี้ยงที่เป็นเต่า
องค์ที่ ๔ มีพระนามว่า พระโคตะโม ตามนามแม่เลี้ยงที่เป็นโค
องค์ที่ ๕ มีพระนามว่า พระศรีอาริยะเมตไตรโย ตามแม่เลี้ยงที่เป็นพระราชสีห์
          ในกัปป์นี้ได้ชื่อว่าภัทรกัปป์เป็นกัปป์ที่เจริญที่สุดเพราะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกนี้ถึง ๕ พระองค์มีพระนามตามที่กล่าวมาแล้วนั้นทั้ง ๕ พระองค์ จึงเป็นที่มาของคำว่า "นะ โม พุท ธา ยะ"
นะ คือ พระกะกุสันโฑ
โม คือ พระโกนาคะมะโน
พุท คือ พระกัสสะโป
ธา คือ พระโคตะโม
ยะ คือ พระศรีอริยะเมตไตยโย
จนเป็นคาถาสืบต่อกันมาเป็นพุทธบูชาแก่พระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์
ฝ่ายพระโพธิสัตว์ทั้ง ๕ พระองค์ เมื่อออกบวชเป็นฤาษีได้บำเพ็ญเพียรพระกัมมัฏฐานจนสำเร็จญาณ อภิญญาสมบัติ จึงสามารถเหาะไปหาอาหาร ผลไม้ด้วยฤทธิ์ทุกพระองค์ อยู่มาวันหนึ่งได้เหาะไปหาอาหารผลไม้ และ บำเพ็ญเพียรธรรมที่ป่าดอยสิงกุตตระ ณ ใต้ต้นนิโครธอันร่มเย็นด้วยกิ่งไม้สาขาใหญ่ด้วยเหตุปัจจัยในกุศลบารมีธรรม ฤาทั้ง ๕ ได้มาพบกัน ณ ที่ นี้ โดยไม่ได้นัดหมาย รู้จักกันมาก่อน จึงสอบถามความเป็นมาของกันและกัน จึงได้รู้แต่ว่า แต่ละองค์มีแต่แม่เลี้ยง แม่ที่แท้จริวอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ฤาษีทั้ง ๕ จึงได้ร่วมกันตั้ง สัจจะอธิฐาน ขอให้ได้พบแม่บังเกิดเกล้าที่แท้จริง ด้วยอำนาจสัจจะอธิฐาน ธรรมอันบริสุทธิ์ของฤาษีทั้ง ๕ จึงดังก้องไปถึงพรหมโลกเป็นเหตุให้ท้าวฆติกามหาพรหมซึ่งเป็นแม่กาเผือกตายและได้มาเกิดเป็นพรหม ทราบเหตุการณ์ทั้งหมด จึงจำแลงเพศเป็นแม่กาเผือกขนสวยงามยิ่งนัก มาปรากฏอยู่ข้างหน้าฤาษีทั้ง ๕ ฝ่าย ฤาษีทั้ง ๕ ก็รู้ด้วยญาณ ทัศนะทันทีว่า นี่แหละเป็นแม่บังเกิดเกล้าที่แท้จริง จึงสอบถามแม่กาเผือกถึงความเป็นมาตั้งแต่ต้นว่า เรื่องเป็นมาอย่างไร
  แม่กาเผือกจึงเล่าความเป็นมาแต่หนหลังครั้งทำรังอยู่ต้นมะเดื่อฝั่งแม่น้ำคงคา อยู่มาวันหนึ่งได้ออกมาหาอาหารกินถิ่นแดนไกลถึงสถานที่ที่หนึ่ง ซึ่งอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธ์ธัญญาหารเป็นธรรมชาติอันสวยงามสงบร่มเย็น บังเกิดพายุใหญ่ ได้พัดกิ่งไม้ฝนตกฟ้าคะนองจนมือค่ำจึงหลงทางอยู่หาทางออกไม่ถูก จนกระทั่งอรุณรุ่งวันใหม่ฝนฟ้าพายุสงบลงจึงรีบบินกลับมาที่พักมาหาลูกที่รังด้วยความเป็นห่วง แต่ปรากฎว่าคืนที่ผ่านมาฝนตกหนักพายุใหญ่ได้พัดกิ่งไม้มะเดื่อหักทำให้รังไข่ทั้ง ๕ ลูกแม่กาเผือกตกลงไปในน้ำและได้ถูกน้ำพัดไหลไปในที่ต่างๆ หาเท่าไหร่ก็ไม่พบจนหมดความสามารถ ในที่สุดด้วยความรักความอาลัยอันบริสุทธิ์ที่มีต่อลูกก็สิ้นใจตาย ได้เกิดเป็นพระพรหมแดนพรหมโลกชั้นสุธาวาสมีวิมารทองคำเป็นที่อยู่ ด้วยอานิสงส์ความรักอันเมตตาอันบริสุทธิ์กับทั้งลูกเป็นพระโพธิญาณมีบุญญาธิมาก จึงได้เกิดมาเป็นพรหมและได้จำแลงเพศเป็นแม่กาเผือกให้ลูกฤาษีทั้ง ๕ ได้ทราบถึงความเป็นมาทั้งหมด
เมื่อลูกฤาษีได้ทราบเหตุ เช่นนั้นแล้้วก็รู้สึกสลดสังเวชใจเป็นอย่างยิ่งและสำนึกในบุญสร้างคุณอันใหญ่หลวง ของแม่กาเผือก จึงน้อมกราบนมัสการ ฆติกามหาพรหมผู้เป็นแม่ที่ให้กำเนิดชีวิตลูกได้สร้างบุญบารมีพระโพธิญาณ จึงกราบขอสัญลักษณ์อนุสรณ์ของแม่กาเผือกผู้บังเกิดเกล้าอาไว้บูชา พระแม่กาเผือกจึงประทานผ้าฝ้ายเป็นด้ายฟั่น เป็นตีนกาสัญญาลักษณ์อนุสรณ์ของแม่กาเผือก ประทานให้ลูกฤาษีทั้ง ๕ ไว้ใช้เป็นไส้ประทีปจุดบูชาทุกวันพระ และต่อมาเป็นประเพณีจุดประทีปตีนกาบูชาแม่กาเผือก ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ลอยกระทง เป็นตำนานสืบไว้ในโลกาตลอดกาลนาน เมื่อแม่กาเผือกฆติกามหาพรหมประทานสัญลักษณ์ ไว้ให้ลูกฤาษีโพธิสัตว์ทั้ง ๕ แล้วก็อาลูกกลับเทวสถาน วิมานของตนบนพรหมโลกตามเดิม
ฤาษีโพธิสัตว์ทั้ง ๕ ต่างก็พากันตั้งหน้าบำเพ็ญเพียรรักษาศีลธรรมภาวนามิได้ขาดทุกวันพระก็จุดประทีบตีนกาบูชา พระแม่กาเผือกฆติกามหาพรหมผู้เป็นแม่อยู่เสมอ เป็นเวลานานหลายปีชีวีฤาษีทั้ง ๕ ก็ดับขันธ์ได้ไปเกิดบนเทวโลกชั้นดุสิตพิภพอันเป็นที่อยู่ขององค์เทพพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ได้เสวยทิพยสมบัติอยู่ในที่นั้น และในกาลต่อมาก็วนเวียนบำเพ็ญบารมีทุกภพชาติที่กำเนิดเกิดในสังสารวัฏฏ์นี้ จนบารมีเต็มเปี่ยมสมบูรณ์ทั้ง ๓๐ ทัศแล้ว ก็จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อพระองค์ไหนจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ฆติกามหาพรหมผู้เป็นแม่ ต้นกัปโลกาก็จะนำเอาบริขารคือ บาตรไตรจีวร มาถวายลูกโพธิสัตว์ทั้ง ๕ พระองค์ในชาติสุดท้ายที่จะได้เป็น พระพุทธเจ้าโปรดโลกทุกพระองค์ กาลเวลาอันยาวนานผ่านไปจนถึงปัจจุบันนี้พระโพธิสัตว์ลูกแม่กาเผือกต้นปฐมกัปป์ก็ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า โปรดโลกไปแล้วถึง ๕ พระองค์ตามลำดับดังนี้คือ
๑. พระกกุสันโธสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอายุ ๔ หมื่นปี มีเขมวตีนคร ของพระเจ้าเขมะเป็นราชธานี
๒. พระโกนาคมโนสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอายุ ๓ หมื่นปี มีโสภวตีนครของพระเจ้าโสภะเป็นราชธานี
๓. พระกัสสโปสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอายุ ๑ หมื่นปี มีพาราณสีนครของพระเจ้ากิงกิเป็นราชธานี
๔. พระโคตโมสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอายุ ๘๐ ปี มีกบิลพัสดุ์นครของพระเจ้า สุทโธทนะเป็น ราชธานี
          ส่วนพระโพธิสัตว์องค์ที่ ๕ อันเป็นลูกองค์สุดท้ายของแม่กาเผือกคือ พระศรีอริยเมตไตรย์ จักเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ ในภัททกัปนี้จะมีอายุถึง ๘ หมื่นปี ในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์นั้นสภาพสังคมมนุษย์โลกจะอุดมสมบูรณ์พูนสุขมาก เพราะผู้คนมีศีลธรรมอยู่ด้วยกันได้เมตตาธรรมมีศีล ๕ บริสุทธิ์ ทุกคน จึงมีทรัพย์สมบัติมาก มีอายุ ยืนยาว ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ มีรูปร่างสวยสดงดงามหน้าตาผ่องใสเบิกบานด้วยกันหมด เพราะผู้คนในยุคนั้นได้สร้างบุญบารมี ให้ทาน รักษาศีล ภาวนากันมาสมบูรณ์ดีหมดและเพราะพระบารมีของพระพุทธเจ้าศรีอริยเมตไตรยที่สั่งสมบารมี เพื่อ ความสันติสุขของโลกซึ่งมีพระเจ้าสังขจักรพรรดิทรงปกครองบ้านเมืองโดยชอบธรรมในเมืองเกตุมวดีนครแผ่ธรรมจักรพรรดิให้คนรักษาศีล ๕ ทั้งโลก เมื่อพระศรีอริยเมตไตรยได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วผู้คนจึงได้ฟังพระธรรมจักรได้ดื่มรส อมตธรรมแห่งพระศรีอริยเมตไตรย์ ได้บรรลุเข้าถึงสวรรค์นิพพานโดยแท้ ผู้คนในยุคนั้นจึงโชคดีที่สุดที่เกิดมาเพื่อสันติสุข เข้าถึง ศีลธรรมอันดีงามทั้งหมด
          ขอให้ทุกคนจงพากเพียร ให้ทาน รักษาศีล ภาวนา จะได้ไปเกิดในพระศาสนาพระศรีอาริย์หากเข้าสู่นิพพานยุคนี้ยังไม่ได้ ท่านก็ยังมีโอกาสได้พบพระพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่งอย่างแน่นอนคือพระศรีอริยเมตไตรย์ลูกแม่กาเผือกองค์สุดท้าย การเกิดมาพบพระพุทธศาสนาเป็นของหายากการเกิดมาพบพระพุทธเจ้าก็แสนยาก บางครั้งโลกนี้ว่าง จากพระพุทธเจ้าเป็นล้านปีสัตว์โลกไม่มีโอกาสเห็น หนทางพระนิพพานเลย ขอให้พวกเราอย่าได้ประมาท จงหมั่นขยันสร้างบุญบารมีด้วยการให้ทาน รักษาศีล ภาวนา ทำนุบำรุง รักษาพระพุทธศาสนา ก็จะเข้าถึงศีลธรรม สันติสุขได้ทุกคนและได้ร่วมสายบุญบารมีพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์
๑.๑ ที่มาของวรรณกรรมเรื่อง พระยากาเผือก
นางพญากาเผือกนี้ เป็นตำนานพื้นบ้านของไทยที่พยายามอธิบายความเกี่ยวพันของพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ ซึ่งเชื่อกันว่าในภัทรกัปนี้จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้สั่งสอนมนุษยชาติ ๕ พระองค์ คือ พระกกุสันโธ พระโคนาคมโน พระกัสสป พระสมณโคดม และพระศรีอาริยเมตไตร ปัจจุบันเป็นศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์ที่สี่ มีระยะเวลา ๕,๐๐๐ ปี ต่อไปก็จะถึงศาสนาพระศรีอาริย์จนสิ้นภัทรกัปนี้ ตอนจะสิ้นภัทรกัปสังคมจะเสื่อมเป็นกลียุค แล้วเกิดไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลกขึ้นครั้งหนึ่ง
๑.๒ เรียบเรียงโดย ปรีชา  พิณทอง
๑.๓ ต้นฉบับมาจาก  ชาดกเรื่องกาเผือก (พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์) ตำนานพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ คัมภีร์ใบลานเรื่องกาเผือก
๑.๔ แต่งปีที่ -
๑.๕ ปีที่พิมพ์  พ.ศ. ๒๕๓๗
. วิเคราะห์เรื่อง
          ๒.๑ วิเคราะห์ชื่อเรื่อง
                     นิทานเรื่องพระยากาเผือก เป็นการตั้งชื่อเรื่องโดยมีการตั้งชื่อมาจากตัวละครเอกที่เป็นแม่กาเผือก ซึ่งมีลักษณะเป็นกาสีขาว
          ๒.๒ วิเคราะห์แก่นเรื่อง
                   การพลัดพรากของแม่และลูกที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้งด้วยสายใยแห่งรัก
          ๒.๓ โครงเรื่อง
                   การเปิดเรื่อง :การกำเนิดของพระเจ้า ๕ พระองค์ที่เกิดอยู่ในท้องของนางกาขาว คือ พระกกุสันธะ พระโกนาคมนะ พระกัสสปะ พระโคตรมะ และพระอริยะเมตไตรยะ
               

การดำเนินเรื่อง
                                ๑.ขณะที่แม่กาขาวไม่อยู่ มีลมพัดเอาไข่ทั้ง ๕ ฟองไหลไปตามนำ โดยฟองที่หนึ่งแม่ไก่ได้เอาไปเลี้ยง ใบที่สองนางนาคเอาไปเลี้ยง ใบที่สามแม่เต่าเอาไปเลี้ยง ใบที่สี่แม่โคเอาเลี้ยง ใบที่ห้าแม่ราชสีห์เอาไปเลี้ยง
                                ๒.เมื่อไข่ทั้งห้าฟักออกมาเป็นมนุษย์ จึงถามแม่เลี้ยงของตนว่าใครเป็นแม่บังเกิดเกล้า
                                ๓.ครั้นเจริญวัยทั้งห้าได้ลาแม่เลี้ยงของตนออกบวชเป็นฤๅษีอาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์
                จุดสูงสุดของเรื่อง : พระฤๅษีทั้งห้าได้มาพบกันที่ป่าหิมพานต์และได้ทราบว่าตนเป็นลูกจากท้องแม่เดี่ยวกัน แต่ไม่ทราบว่าแม่เป็นใคร
                จุดคลายปม : มารดาที่ตายไปเกิดอยู่บนสวรรค์พระกาพรหมแปลงกายเป็นกา มาปรากฏตัวให้ลูกชายทั้งห้าเห็นพร้อมเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่หนหลงให้ลูกฟังพอพุดจบลูกชายทั้งห้าก็พากันมากราบเท้าแม่
                การปิดเรื่อง : ฤๅษีทั้งห้าพระองค์ได้ตั้งใจบำเพ็ญเพียรจนสุดวามสามารถสิ้นอายุแล้วก็ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต เสวยสุขสมบัติอันเป็นทิพย์ตลอดกาล
          ๒.๔ วิเคราะห์ตัวละคร
                   .พญากาเผือก    เพศ  : หญิง
                                           ชาติ : นกกา
                                        ลักษณะ : กาที่มีสีขาวจนได้ฉายานามว่าพญากาเผือก
                   . ไข่ใบที่ ๑      เพศ : ชาย
ชาติ : ชายหนุ่ม
ลักษณะ : ไข่ฟองที่ ๑ มีไก่เก็บไปดูแลรักษา พอฟักตัวออกมาแล้วกลายมาเป็นชายหนุ่ม และได้เป็นสมเด็จพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๑ มีพระนามว่า  พระกกุสันโธ ตามนามแม่เลี้ยงที่เป็นไก่
                   ๓. ไข่ใบที่ ๒      เพศ : ชาย
                                      ชาติ : ชายหนุ่ม
ลักษณะ : ไข่ฟองที่ ๒ มีแม่นาคราชเก็บไปดูแลรักษา พอฟักตัวออกมาแล้วกลายมาเป็นชายหนุ่ม และได้เป็นสมเด็จพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๒ มีพระนามว่า พระโกนาคะมะโน ตามนามแม่เลี้ยงที่เป็นนาค
                  

. ไข่ใบที่ ๓      เพศ : ชาย
                                      ชาติ : ชายหนุ่ม
ลักษณะ : ไข่ฟองที่ ๓ มีแม่เต่าเก็บไปดูแลรักษา พอฟักตัวออกมาแล้วกลายมาเป็นชายหนุ่ม และได้เป็นสมเด็จพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๓ มีพระนามว่า พระกัสสะโป ตามนามแม่เลี้ยงที่เป็นเต่า
                   ๕. ไข่ใบที่ ๔      เพศ : ชาย
                                      ชาติ : ชายหนุ่ม
ลักษณะ : ไข่ฟองที่ ๔ มีแม่โคเก็บไปดูแลรักษา พอฟักตัวออกมาแล้วกลายเป็นชายหนุ่ม และได้เป็นสมเด็จพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๔ มีพระนามว่า พระโคตะโม ตามนามแม่เลี้ยงที่เป็นโค
                   ๖. ไข่ใบที่ ๕      เพศ : ชาย
                                      ชาติ : ชายหนุ่ม
ลักษณะ : ไข่ฟองที่ ๕ มีแม่ราชสีห์เก็บไปดูแลรักษา พอฟักตัวออกมาแล้วกลายเป็นชายหนุ่ม และได้เป็นสมเด็จพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ มีพระนามว่า พระศรีอาริยะเมตไตรโย ตามแม่เลี้ยงที่เป็นพระราชสีห์
          ๒.๕ ภาษาที่ใช้ในการแต่งวรรณกรรม เรื่อง พระยากาเผือก
                   หนังสือวรรณคดีอีสาน ที่นักปราชญ์อีสานได้แต่งไว้มีอยู่ ๒ สำนวน สำนวนที่หนึ่งเป็นร้อยแก้ว อีกส่วนหนึ่งเป็นร้อยกรอง สำนวนร้อยแก้วแต่งเป็นคำธรรมดาสำนวนร้อยกรองแต่งเป็นกาพย์กลอง มีเนื้อความสละสลวย ฟังแล้วสนุกสนานเพลิดเพลิน
          ๒.๖ ภาษาที่ใช้ในการดำเนินเรื่อง
                   สำนวนร้อยแก้วเขียวเป็นตัวธรรม ส่วนสำนวนร้อยกรองเขียนเป็นตัวไทยน้อย
            ๒.๗ วิเคราะห์ฉาก
๑.     ฉากรังของแม่กา
มีพญากาเผือก ๒ ตัวผัวเมียทำรังอยู่ที่ต้นมะเดื่อริมฝั่งแม่น้ำคงคา อันเป็นธรรมชาติสถานที่รื่นรมย์ ในเวลาต่อมาพระโพธิสัตว์ได้ทรงปฏิสนธิเกิดในครรภ์แม่พญากาเผือกพร้อมกันถึง ๕ พระองค์ เมื่อครบทศมาสแม่กาเผือกก็เกิดออกไข่ ณ ที่รังต้นมะเดื่อจำนวน ๕ ฟอง (สถานที่นี่ในกาลต่อมาเรียกชื่อว่า วัดพระเกิด )
๒.     ฉากอาศรมของฤาษี
ฝ่ายพระโพธิสัตว์ทั้ง ๕ พระองค์ เมื่อออกบวชเป็นฤาษีได้บำเพ็ญเพียรพระกัมมัฏฐานจนสำเร็จญาณ อภิญญาสมบัติ
๓. ความโดดเด่นของวรรณกรรม เรื่อง พระยากาเผือก
          ตำนานพระเจ้าห้าพระองค์ นับเป็นตำนานพุทธศาสนาของไทยที่สร้างสรรค์ขึ้นในวัฒนธรรมไทย เป็นภูมิปัญญาในการเชื่อมความสัมพันธ์ในฐานะพี่น้องระหว่างพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ นอกจากนี้ ยังมีบทบาทอยู่ในสังคมมาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง อาทิ การเป็นต้นกำเนิดประเพณีต่างๆ เช่น ประเพณีไหลเรือไฟ ประเพณียี่เป็ง ประเพณีไต้ประทีปประเพณีทานตุง อีกทั้งยังมีบทบาทในทางการเมือง หรือการนำไปใช้อ้างอิงในกฎหมายตราสามดวง และมีบทบาทเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานศิลปกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระศรีอาริย์อีกด้วย
. การนำไปประยุกต์ใช้ที่ผ่านมา
          ๔.๑ คาถาสืบต่อกันมาเป็นพุทธบูชาแก่พระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์
                   นะ คือ พระกะกุสันโฑ
โม คือ พระโกนาคะมะโน
พุท คือ พระกัสสะโป
ธา คือ พระโคตะโม
ยะ คือ พระศรีอริยะเมตไตยโย
         
๔.๒ รูปปั้นพุทธประวัติของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ที่มีอยู่ตามวัด
                    องค์ที่ ๑ มีพระนามว่า พระกะกุสันโธเป็นตามนามแม่เลี้ยงที่เป็นไก่
องค์ที่ ๒ มีพระนามว่า พระโกนาคะมะโน ตามนามแม่เลี้ยงที่เป็นนาค
องค์ที่ ๓ มีพระนามว่า พระกัสสะโป ตามนามแม่เลี้ยงที่เป็นเต่า
องค์ที่ ๔ มีพระนามว่า พระโคตะโม ตามนามแม่เลี้ยงที่เป็นโค
องค์ที่ ๕ มีพระนามว่า พระศรีอาริยะเมตไตรโย ตามแม่เลี้ยงที่เป็นพระราชสีห์



๔.๕ ประเพณี
          ประเพณีจุดประทีปตีนกาบูชาแม่กาเผือก ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ลอยกระทง เป็นตำนานสืบไว้ในโลกาตลอดกาลนาน

          ๔.๖ พระธาตุ
พระธาตุวัดพระเกิด มียอดฉัตรเป็นรูปหล่อแม่กาเผือกทองคำ ซึ่งครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโยนักบุญแห่งล้านนาไทย ได้มาบูรณะเมื่อปี พุทธศกราช ๒๔๖๙

          ๔.๗ สร้างเป็นเหรียญที่ระลึก
                   เพื่อเป็นเครื่องสักการบูชา และเป็นเครื่องยึดเหนียวจิตใจของบุคคลที่นับถือศาสนาพุทธ

          ๔.๘ จิตรกรรมฝาผนัง
คือภาพเขียนหลายชนิดที่เขียนบนปูนบนผนังหรือเพดาน เทคนิคที่นิยมกัน คือ การวาดภาพบนผนังปูนปลาสเตอร์เปียก ซึ่งวัดหลายแห่งได้นำเอาพุทธประวัติพระเจ้า 5 พระองค์ มาวาดเพื่อให้เกิดสีสันภายในโบสถ์
         


๔.๙ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนา
          วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์



. อินโฟกราฟฟิก




วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2560

ภารกิจที่ 3/1 ปริศนาคำทายในชุมชนของตนเอง

ภารกิจที่ 3/1
ให้นักศึกษาหาคำทายในชุมชนของตนเอง โดยแบ่งตามหมวดหมู่ได้ 8 หมวด
1.      มนุษย์/อวัยวะ
ตัดกกบ่ตาย  ตัดปายบ่เหี่ยว  แม่นหยัง    เฉลย  ผม
บักน้อย ๆ โตนตั่งคอหัก  หมาแล่นสัก  แมงวันแตกโผ่  แม่นหยัง เฉลย อุจจาระ
เฒ่าสองเฒ่า  นั่งเฝ้าปืนกล  แม่นหยัง  เฉลย  ไข่หำ  (ลูกอัณฑะ)
โตคือเฮา เขาบ่มี หัวหนัก สิบแสน แม่นหยัง  เฉลย คนหัวล้าน
บักกืก ออกก่อน บักขด อยู่กลาง บักคราง นำก้น แม่นหยัง เฉลย คนไถนา
2.      เครื่องมื้อ/เครื่องใช้
เทิ้กเลิ้ก คือคอม้า  ไปค้าบ่อเห็นฮอย  เฉลย เรือ
 ไผกะมายอก ๆ เข่าบ่เข่าให้คลำเบิ่ง  แม่นหยัง  เฉลย หินลับมีด
ไก่อีก้า กินหญ่าอ้อมโพน  เฉลย กรรไกรตัดผม
สองมือกุมเต้า แอวเด้า ปากดูด  เฉลย คนเป้าแคน
ใบอยู่ใต้ฮาก หมากอยู่ใต้ดิน แม่นหยัง  เฉลย ไถ
3.      พืชผัก/ผลไม้
แต่น้อยนุ่งผ้า  ใหญ่มาป๋าโต  แม่นหยัง  เฉลย  หน่อไม้
ต้นท่อเข็ม ใบเต็มน้ำ แม่นหยัง  เฉลย ผักแว่น
ต้นท่อลำหวาย ใบท่อตีนซ้าง แมนหยัง  เฉลย บัว
ต้นท่อสาก ใบลากดิน แม่นหยัง  เฉลย อ้อย
ต้นส่ำครก ใบปรกดิน แม่นหยัง  เฉลย  ต้นตะใคร้
4.      ธรรมชาติ
ต่ำกว่าหญ้าสูงกว่าดิน  แม่นหยัง  เฉลย ภูเขา
คนสามร้อยฆ่าเด็กน้อยบ่ตาย  แม่นหยัง  เฉลย  เงา
สุกเต็มดิน เก็บกินกะบ่เบิด แม่นหยัง  เฉลย  แดด
สุกกะบ่หอม  งอมกะบ่หลั่น  แม่นหยัง เฉลย  ดาว
โก่งโข้งโน้ง ข่วมท่งสามแสน ใผทวยถืกได้แหวนวงหนึ่ง แม่นหยัง เฉลย  รุ้งกินน้ำ


5.      อาหาร
แต่น้อย ใส่เสื้อคับ ใหญ่ขึ้นมา ใส่เสื้อหลวม แมนหยัง เฉลย หมากขาม
งัวอีเขียว  ผูกหลักเดียวเป็นจุ้ม แม่นหยัง  เฉลย บักฮูง  (มะละกอ)
ชื่อ อยู่ฟ้า ต้นกับหมากอยู่ดิน  แม่นหยัง  เฉลย  บักลิ้นฟ้า  (เพกา)
ต่ำต้อป้อ  มีข้อสู่ตา  แม่นหยัง  เฉลย  บักนัด  (สับปะรด)
กิน ข้างใน เอาเปียกไว้ เฮ็ดแนว แม่นหยัง  เฉลย ข้าว
6.      กิจกรรม/การละเล่น
สี่ขา สองหาง คนย่างนำก้น แมนหยัง  เฉลย คนไถนา
บักกืก ออกก่อน บักแข่ว อยู่กลาง บักคราง น้ำก้น แม่นหยัง  เฉลย คนคราดนา
แฮ่งตัด แฮ่งยาว แฮ่งสาว แฮ่งไพ แม่นหยัง  เฉลย หนทาง, คนกรอด้าย
สี่ตีน ซี้ทางเทิงจี้ดี่ สี่ตีนซี้ ยันพื้นยักยัน แม่นหยัง  เฉลย คนหามหมู
ขูหยูมาใส่ขาหยา ต้อนแต่น อยู่หว่างขา แก่งหูจะวะ แม่นหยัง  เฉลย คนต่ำหูก
7.      ความเชื่อ/ประเพณี
มดดำควบมดแดง ขึ้นแท่น หัวแด่นฆ่าหัวล้าน เหยียบตาย แม่นหยัง  เฉลย คนตีเหล็ก
บักกืก ออกก่อน บักแข่ว อยู่กลาง บักคราง น้ำก้น แม่นหยัง  เฉลย คนคราดนา
สี่ขา สองหาง คนย่างนำก้น แม่นหยัง  เฉลย คนไถนา
ไก่แม่หม่น โตนออกจากฮัง แม่นหยัง  เฉลย ข้าวเหนียวถืกซิดออกจากหวด
          ตาดแดดแล้วสด หดน้ำแล้วเหี่ยว แม่นหยัง  เฉลย ข้าวตอกแตก
8.      สัตว์
อีน้อย ๆ ใส่เสื้อแถบแดง ยามมื้อแลง แล่นเข้าพุ่ม แม่นหยัง  เฉลย แย้
บักสี่ขา หน้าสั้น ฮ้องสนั่น เสียงไกล แม่นหยัง เฉลย อึ่งอ่าง
บักอั่นนึง มาแต่เมืองล่าง เอาหัวย่างแทนตีน แม่นหยัง เฉลย บักหอย
ดำคือกา บินมาคือนก เข็มปักอก หมู่เจ้าว่า  แม่นหยัง เฉลย แมงตับเต่า
งัวแดง ออกลูกด่อน แม่นหยัง  เฉลย มดแดง
โครงสร้างปริศนาคำทาย
1.       อาริมถบท (สีแดง)
2.       บอกสมญา (สีน้ำเงิน)
3.       พรรณนาลักษณะ (สีเขียว)
4.       จุดบอก/จุดสะดุดใจ/เข้ารหัส (สีส้ม)
5.       สรุป (สีม่วง)

6.       เฉลย (สีดำ)